รู้เรื่องเพชร
ก่อนที่คุณจะเลือกซื้อเพชร คุณควรจะเข้าใจก่อนว่า คุณกำลังจะซื้ออะไร สิ่งง่ายๆที่ใช้ในการตัดสินใจเลือกซื้อเพชรคือ 4Cs ได้แก่ cut (การเจียระไน), color (สี), clarity (ความสะอาด), และ carat weight (น้ำหนัก) ซึ่งคุณจะสามารถเลือกซื้อเพชรได้โดยอิงจากปัจจัยเดียวกันกับที่ผู้ชายใช้ในการจัดคุณภาพเพชร
ทีนี้เรามารู้จักประวัติเพชรกันดีกว่า เพชร (Diamond) มาจากรากศัพท์ของภาษาฝรั่งเศส Diamant หมายถึง ไม่มีวันแพ้ ส่วนในภาษากรีกคือ Adamas แปลว่า ไม่สามารถเอาชนะได้ ชาวกรีกและโรมันเชื่อว่าเพชรคือหยาดน้ำตาของเทพเจ้า สามารถมีพลังเอาชนะข้าศึกได้ ซึ่งคุณสมบัติของเพชรคือ “แข็งที่สุดในโลก” ไม่มีสิ่งใดสามารถทำให้เพชรเป็นรอยได้ นอกจากเพชรด้วยกันเอง ดังคำกล่าวที่ว่า เพชรตัดเพชร
เพชรเป็นแร่อโลหะ ที่เกิดจากธาตุคาร์บอนบริสุทธิ์ที่ทับถมมาเป็นเวลานานผลึกเหล่านี้ได้ถูกผลักดันขึ้นด้านบนนสู่ผิวโลกโดยภูเขาไฟระเบิด
เมื่อเย็นตัวลงก็จะแข็งตัวเป็นแร่สีน้ำเงินชื่อ คิมเบอร์ไลท์ มีลัษณะเป็นรูป 8 หรือ 12 เหลี่ยม มีความแข็งและหนาแน่นมาก โดยส่วนใหญ่จะมีสีเหลือง สีขาวใส หรือบางทีอาจจะมีสีแดง น้ำเงิน เขียว และดำ ด้วยความที่เป็นอัญมณีที่หาได้ยาก จึงมีผู้ต้องการมาก และราคาสูง อีกทั้งเพชร ยังเป็นสัญลักษณ์ของ “รักแท้” อีกด้วย
ทีนี้มาถึงแร่อีกชนิดหนึ่งที่นิยมนำมาทำเครื่องประซึ่งมาราคาพอๆกับทอง หรือ อาจจะแพงกว่าด้วยซ้ำไป นั่นคือ “แพลทตินั่ม”
“แพลตินั่ม” (Platinum) โลหะมีค่า ที่ใช้ทำเครื่องประดับอีกชนิดหนึ่ง
–“แพลตินั่ม” (Platinum) เป็นหนึ่งในโลหะมีค่า ที่หายากที่สุดในโลก
เราอาจประมาณได้ว่า “แพลตินั่ม” ที่มีอยู่ทั้งหมดบนโลกนี้
สามารถเทลงในสระว่ายน้ำขนาด olympic จะได้ความสูงเกือบจะไม่ท่วมตาตุ่มของเรา
ในขณะที่ “ทองคำ” (Gold) สามารถเทลงในสระว่ายน้ำขนาดดังกล่าว ได้เต็มสระ มากกว่า 3 สระทีเดียว
การก่อเกิดของ “แพลตินั่ม” เพียง 1 ounce ต้องใช้แร่ธาตุทั้งหมดถึง 10 ตัน และใช้ระยะเวลาถึง 6-8 สัปดาห์
เมื่อเทียบกับการเกิดของ “ทองคำ” 1 ounce กลับใช้แร่ธาตุทั้งหมดเพียง 3 ตัน และใช้ระยะเวลาเพียง 5 วัน
หรืออาจกล่าวได้ว่า “แพลตินั่ม” หายากกว่าทองคำ ถึง 35 เท่า
ความบริสุทธิ์
โดยปกติ เครื่องประดับทองคำแท้ หรือ “แพลตินั่ม” มักจะมีโลหะอื่นเป็นส่วนผสมอยู่ด้วยเสมอ
ภาพจากกราฟจะสามารถบอกเราได้ถึง ความแตกต่างระหว่างความบริสุทธิ์ของทองคำแท้ และ “แพลตินั่ม”
“แพลตินั่ม” มักจะมีส่วนผสมของ iridium หรือ ruthenium อยู่ประมาณ 5-10% ของตัวเรือนแหวน
เนื่องจากทั้ง iridium และ ruthenium เป็นโลหะมีค่าที่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มเดียวกับ “แพลตินั่ม”
“แพลตินั่ม” จัดเป็นเครื่องประดับที่เหมาะที่สุดสำหรับผิวที่แพ้ง่าย
ในขณะที่ “ทองคำ” มักจะมีส่วนผสมของ silver , copper (ทองแดง) , nickel และ zinc
อยู่ประมาณ 25-42% ของตัวเรือนแหวน
“แพลตินั่ม” โดยทั่วๆไป จะมีความบริสุทธิ์ประมาณ 95% (ทองคำ 18k มีความบริสุทธิ์ 75%)
เครื่องประดับ “แพลตินั่ม” จะไม่ซีดจาง และจะคงความเงางามไปตลอดอายุการใช้งาน
ความคงทน
จากการทดสอบ เมื่อใช้งานไปนานๆ “แพลตินั่ม” เป็นโลหะมีค่าที่คงทนที่สุดชนิดหนึ่ง
เมื่อเกิดเป็นริ้วรอย หรือการขีดข่วน “แพลตินั่ม” จะไม่สูญเสียเนื้อโลหะ
ในขณะที่ “ทองคำ” มักจะสูญเสียเนื้อโลหะไปเล็กน้อย ทุกๆครั้งที่เกิดการขีดข่วน หรือ ทุกครั้งที่นำไปขัด
ปกติ “หนามเตย” ของเครื่องประดับ “ทองคำ” และ “ทองขาว” มักจะมีการสึก หลังการใช้งานไประยะหนึ่ง
ต้องมีการเติมโลหะเพิ่มเข้าไป เพื่อให้พลอยไม่หลุดง่ายๆ ซึ่งคุณจะรู้สึกได้ถึงความแตกต่าง เมื่อเทียบกับเครื่องประดับ “แพลตินั่ม”
“แพลตินั่ม” มีน้ำหนักมากกว่า “ทอง 14k” ประมาณ 60% และ “แพลตินั่ม”
ขนาดลูกบาศก์ 6 นิ้ว จะมีน้ำหนักถึง 165 pounds
ตัวเรือนเครื่องประดับ ที่ทำจากโลหะมีค่า ส่วนใหญ่ทำมาจาก
“แพลตินั่ม” (Platinum)
“ทองคำ” (Gold)
“ทองขาว” (White Gold)
คำว่า “ทองขาว” (White Gold) คือ ทองคำสีเหลือง ที่ผ่านกรรมวิธีทำให้ดูเป็นสีขาว
แต่คุณสมบัติที่แท้จริง ยังคงเหมือนกับ “ทองคำสีเหลือง” และเมื่อใช้ไปนานๆ สีเหลืองของทองคำแท้
จะค่อยๆ ปรากฎให้เห็น ทำให้เราต้องนำไปเคลือบซ้ำให้เป็น “สีขาว” บ่อยๆ
เครื่องหมายของ “แพลตินั่ม” (Platinum)
คำที่เราใช้เป็นสัญญลักษณ์ หรือ บ่งบอกว่าเป็น “แพลตินั่ม” ที่เรามักจะเห็นปรากฎอยู่บนเครื่องประดับเสมอๆ
ได้แก่ Platinum , Plat , Pt , Pt950 , 950Pt , 950Plat , Plat950 , 900Pt , Pt900 และ 900Plat